-
ใหม่ล่าสุดเก้าอี้ป้องกันไฟฟ้าสถิต3,900.00 ฿
4,500.00 ฿ (-13%) -
ใหม่ล่าสุดESD Clear File (A4)100 ชิ้น/ แพ็ค800.00 ฿
1,000.00 ฿ (-20%) -
ใหม่ล่าสุดESD TABLE MAT GREEN แผ่นยางปูโต๊ะป้องกันไฟฟ้าสถิต3,800.00 ฿ขายแล้ว 1
มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
-
ใหม่ล่าสุด(ยกกล่อง)STICKY MAT BLUE COLORSIZE 26*45" (10 mat /Box)1,500.00 ฿
2,000.00 ฿ (-25%) -
ใหม่ล่าสุดESD PVC CURTAIN SIZE :0.3MM x1370MM. x30M.3,500.00 ฿
4,000.00 ฿ (-13%)ขายแล้ว 1มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิตคืออะไร และทำไมต้องใช้?
อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิต หรือ ESD (Electrostatic Discharge) คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการคายประจุไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองชนิดที่มีประจุไฟฟ้าต่างกันสัมผัสกัน หรือเมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่จากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ทำไมต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิต?
- ป้องกันความเสียหายต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: ไฟฟ้าสถิตสามารถทำลายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะชิปและวงจรที่ละเอียดอ่อน แม้แต่ประจุไฟฟ้าสถิตในปริมาณน้อยก็สามารถทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสียหายได้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต: การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตจะช่วยลดความเสียหายระหว่างกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงขึ้นและลดต้นทุนในการผลิต
- เพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์: การป้องกันไฟฟ้าสถิตอย่างถูกต้องจะช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
ตัวอย่างอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิต
- สายรัดข้อมือ: ใช้สำหรับต่อสายดินเพื่อระบายประจุไฟฟ้าสถิตออกจากร่างกาย
- แผ่นรองพื้น: วางไว้ใต้ชิ้นงานเพื่อป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิต
- ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต: ใช้สำหรับบรรจุชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
- เสื้อผ้าป้องกันไฟฟ้าสถิต: ทำจากวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต
- เครื่องกำจัดไฟฟ้าสถิต: ใช้สำหรับกำจัดประจุไฟฟ้าสถิตในอากาศ
การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิต
การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิตขึ้นอยู่กับชนิดของชิ้นงานที่ต้องการป้องกัน สภาพแวดล้อมในการทำงาน และมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด
สรุป
อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิตเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากไฟฟ้าสถิต เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์